เวลาที่วางแผนลงทุนเพื่อเป้าหมายต่างๆในชีวิต
เช่นวางแผนลงทุนเพื่อเงินก้อนยามเกษียณ
สิ่งที่นักวางแผนการเงินหรือคนที่วางแผน
มักคาดหวังผลตอบแทนล่วงหน้า
ว่าจะได้กี่เปอร์เซ็นต์ที่จะทำให้ได้ตามเป้าหมาย
เช่นหากลงทุนในกองทุนหุ้น
ก็อาจใช้สมมุติฐานว่าน่าจะได้ผลตอบแทน
เท่ากับผลตอบแทนระยะยาวของตลาดหุ้นไทย10-12%
แล้วก็คาดหวังว่าเงินมันจะโตไปเรื่อย
จนเข้าเป้าหมายเหมือนเส้น สีแดง
แต่ความเป็นจริงของการลงทุนแล้ว
มันไม่ได้โตเป็นเส้นตรงเหมือนเส้นสีแดงหรอก
มันมีขึ้นมีลงระหว่างทาง
ถ้ามันขึ้นหรือลงเหมือนเส้น สีฟ้า หรือ สีเขียว ก็ไม่เป็นไร
แต่ถ้ามันเป็นเหมือนเส้น สีดำ หล่ะ
มูลค่ามันตกลงเรื่อยๆ
จนถึงจุดๆหนึ่งที่หลายๆคนทนไม่ไหว
เพราะมันต่ำกว่าระดับความมั่งคั่งที่ยอมรับได้
ณ จุดๆนี้คนหลายๆคนมักจะตัดสินใจล้มเลิกการลงทุน
เพราะกลัวว่ามันจะลงไปกว่านี้
ผมเรียกจุดนี้ว่า "จุดสลบของการลงทุน"
แล้วเราจะป้องกันปัญหาของการลงทุนข้อนี้ได้ยังไง
หนึ่งในวิธีที่ใช้ป้องกันปัญหา
ไม่ทำให้คุณถึงจุดสลบของการลงทุนคือ
คุณควรที่จะใช้กลยุทธการลงทุน
ที่เรียกว่า จัดสรรการลงทุนหรือ Asset Alocation
วิธีการนี้บอกว่าคุณไม่ควรลงทุนในสินทรัพย์เดี่ยว
เช่นลงในหุ้นหรือสินทรัพย์เสี่ยงอย่างเดียว
แต่คุณควรจัดสรรการลงทุน
ให้มีสินทรัพย์หลายๆอย่างในพอร์ตการลงทุนของคุณด้วย
เช่นอาจจะมีตราสารหนี้เช่นพันธบัตร หรือกองทุนตราสารหนี้
มีหุ้นหรือกองหุ้นที่ลงทุนในประเทศ
มีกองทุนทุนหุ้นที่ลงทุนต่างประเทศ
มีกองทุนสินทรัพย์ทางเลือกเช่นทองคำ
โดยจัดสัดส่วนของสินทรัพย์ลงทุนประเภทต่างๆ
ที่เหมาะสมกับความเสี่ยงและผลตอบแทนคาดหวัง
เช่นกองทุนหุ้นในประเทศ 50%
กองทุนหุ้นต่างประเทศ10%
กองทุนตราสารหนี้ 30%
กองทุนทองคำ 10%
เหตุที่ทำแบบนี้เพราะ ณ เวลาใด เวลาหนึ่ง
สินทรัพย์แต่ละชนิดอาจมีผลตอบแทน
หรือทิศทางของผลตอบแทนแตกต่างกัน
ทำให้ผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนของคุณ
ไม่ตกไปจนถึง"จุดสลบของการลงทุน"
วิธีนี้อาจได้ผลตอบแทนน้อยกว่า
การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นอย่างเดียว
แต่มันก็ช่วยให้คุณไม่ต้องสลบ
หรือหัวใจวายไปก่อนระหว่างทางครับ
ลองไปศึกษาเรียนรู้กลยุทธการลงทุน
ที่เรียกว่าการจัดสรรการลงทุน Asset Alocation
เพิ่มเติมกันนะครับ